วันศุกร์ที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2553

โครงการประกวดถ่ายภาพ AU Photo Contest 2010 “ดวลกล้อง มองมุม” “Competitive Lenses with Rarefied Snapshots”

poster thai re.jpg

ดยภาควิชานิเทศศิลป์ คณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญร่วมกับสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ทั้งนี้การจัดการแข่งขันดังกล่าวมีวัตถุประสงค์ เพื่อเป็นการสนับสนุนให้เยาวชนไทยได้มีโอกาสแสดงออกและพัฒนาความรู้ความสามารถทางด้านการถ่ายภาพ รวมถึง ได้แลกเปลี่ยนความรู้ประสบการณ์ และสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนจากโรงเรียนต่างๆ พร้อมรับฟังคำแนะนำทางด้านการถ่ายภาพจากคณะกรรมการตัดสินภาพผู้ทรงคุณวุฒิ

วัตถุประสงค์

1. เพื่อเป็นการส่งเสริม และพัฒนาวงการถ่ายภาพ อย่างมีคุณค่า
2. เพื่อให้ความรู้ในการถ่ายภาพ และกระบวนการคิดสร้างสรรค์
3. เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียนนักศึกษาได้มีเวทีในการแสดงความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ ทางศิลปะ
4. เพื่อส่งเสริมกิจกรรมที่มีประโยชน์ให้กับนักเรียนนักศึกษาได้ใช้เวลาให้มีคุณค่า
5. เพื่อส่งเสริมกิจกรรมการสร้างสรรค์ทางการถ่ายภาพให้กับเจ้าหน้าที่และอาจารย์ของมหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ


สามารถอ่านระเบียบการต่อได้
ที่นี่
สมาชิกสมาคมถ่ายภาพแห่งประเทศไทยฯ และบุคคลทั่วไป สามารถดาวน์โหลดใบมัครได้ ที่นี่ ค่ะ

ที่มา : http://rpst.mobi/phpbb3/viewtopic.php?f=35&t=4357

ประกวดภาพถ่ายในหัวข้อ "ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ Human Dignity"

๑. หัวข้อการประกวด
“ ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ “ “Human Dignity”

๒. ประเภทของภาพถ่าย
ภาพถ่ายฟิล์มสี ฟิล์มขาวดำ และ ดิจิตอล

๓. ผู้มีสิทธิ์ส่งผลงานเข้าประกวด
เด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป

๔. เงื่อนไขข้อกำหนดในการส่งภาพถ่ายเข้าประกวด

๔.๑ ภาพถ่ายที่ส่งเข้าประกวดจะต้องเป็นภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นถึง คุณค่าของความเป็นมนุษย์ ที่มีความเท่าเทียมกัน ไม่เลือกปฏิบัติ ไม่เอาเปรียบซึ่งกันและกัน เคารพและปฏิบัติต่อกันเสมือนพี่น้อง โดยสามารถถ่ายภาพได้ทั้งกล้องบรรจุฟิล์มและกล้องดิจิตอล

๔.๒ ภาพถ่ายที่ส่งเข้าประกวดเป็นภาพสี หรือภาพขาวดำ ขนาดของภาพไม่ต่ำกว่า ๑๒ X ๑๘ นิ้ว พร้อมทั้งส่งฟิล์ม หรือไฟล์ภาพที่บันทึกลงแผ่นซีดี มาพร้อมภาพถ่ายผลงานที่เข้าร่วมประกวด ในกรณีภาพถ่ายที่ได้รับรางวัลฟิล์ม หรือแผ่นซีดีจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

๔.๓ กรณีภาพถ่ายที่ใช้กล้องระบบ Digital หรือกล้องที่ใช้ฟิล์ม สามารถ Scan จากฟิล์ม ส่งภาพถ่ายเข้าประกวดในประเภทกล้อง Digital ได้ ซึ่ง File ต้องขยายภาพถ่ายได้ไม่น้อยกว่าขนาด ๑๒ X ๑๘ นิ้ว และจะต้องส่งมาในรูปแบบของ File JPEG เท่านั้น

๔.๔ ภาพถ่ายที่ส่งเข้าประกวดสามารถสร้างสรรค์ได้และไม่ตกแต่งเกินความเป็นจริง

๔.๕ ผู้ส่งผลงานภาพถ่ายเข้าประกวดได้ไม่จำกัดจำนวน แต่จะได้รับการพิจารณารางวัลสูงสุดเพียงรางวัลเดียว

๔.๖ ภาพถ่ายที่ส่งเข้าประกวดผู้ส่งจะต้องเขียนชื่อภาพ ชื่อสถานที่ในภาพ ชื่อ นามสกุล ที่อยู่ของผู้ส่งภาพถ่ายเข้าประกวดอย่างชัดเจนในใบสมัครที่กำหนด และผู้ส่งภาพถ่ายเข้าประกวดจะต้องเป็นผู้ถ่ายภาพที่ส่งเข้าประกวดด้วยตนเองเท่านั้น หากพิสูจน์ได้ภายหลังว่าผู้ส่งเข้าประกวดไม่ได้เป็นเจ้าของผลงาน ผู้จัดขอสงวนสิทธิ์ในการจะเรียกรางวัลที่ได้รับไปแล้วกลับคืนหรือตัดสิทธิ์ในการรับรางวัล ผู้จัดการประกวดจะไม่รับผิดชอบใด ๆ กรณีถูกแอบอ้าง หรือการละเมิดลิขสิทธิ์ในการนำภาพของบุคคลอื่นส่งเข้าประกวด

๔.๗ ผู้ส่งภาพถ่ายเข้าประกวดต้องมีสัญชาติไทย และสถานที่ปรากฏในภาพถ่ายต้องเป็นสถานที่ภายในประเทศไทยเท่านั้น

๔.๘ ภาพถ่ายที่ส่งเข้าประกวดสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มีสิทธิ์คัดเลือกนำไปจัดแสดงในที่ต่างๆ และมีสิทธิ์ในการจัดพิมพ์เผยแพร่ผลงานใน สูจิบัตร และเอกสารสิ่งพิมพ์ รวมทั้งสารสนเทศทุกประเภท

๔.๙ ภาพถ่ายที่ส่งเข้าประกวดสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติจะพยายามรักษาให้ดีที่สุด ยกเว้นความเสียหายที่เกิดขึ้นโดยเหตุสุดวิสัย

๔.๑๐ ผู้ส่งภาพประกวดทุกท่าน ยินยอมปฏิบัติตามกติกาที่ระบุไว้ข้างต้นทุกประการ และผลการตัดสินของกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด

การพิจารณาคัดเลือกและตัดสินภาพถ่าย

การตัดสินพิจารณาจากคุณค่าของผลงานเป็นหลัก คณะกรรมการมีสิทธิกำหนดวิธีการตัดสิน การตัดสินของคณะกรรมการคัดเลือกและตัดสินถือว่าเป็นที่สิ้นสุด จะอุทธรณ์มิได้ คณะกรรมการคัดเลือกและตัดสินจะพิจารณาคัดเลือกเฉพาะผลงานที่มีคุณภาพเหมาะสมเข้าร่วมแสดง

๕. การตัดสินแบ่งออกเป็น ๓ ประเภท
๑) ประเภทเด็ก อายุ ไม่เกิน ๑๘ ปี
๒) ประเภทเยาวชน อายุ ๑๘ – ๒๕ ปี
๓) ประเภทประชาชนทั่วไป

๖. รางวัล แบ่งเป็นประเภทละ ๓ รางวัล ประกอบด้วย

๖.๑ ประเภทเด็ก อายุไม่เกิน ๑๘ ปี

รางวัลที่ ๑ จำนวน ๑ รางวัล เงินรางวัล ๑๐,๐๐๐ บาท
พร้อมเกียรติบัตร และ บัตรกำนัล (Gift voucher) มูลค่า ๓,๐๐๐ บาท
จากบริษัท โฟโต้ฮัท กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด

รางวัลที่ ๒ จำนวน ๑ รางวัล เงินรางวัล ๗,๐๐๐ บาท
พร้อมเกียรติบัตร

รางวัลที่ ๓ จำนวน จำนวน ๑ รางวัล ๆ ละ ๕,๐๐๐ บาท
พร้อมเกียรติบัตร

๖.๒ ประเภทเยาวชน อายุ ๑๘ – ๒๕ ปี

รางวัลที่ ๑ จำนวน ๑ รางวัล เงินรางวัล ๒๐,๐๐๐ บาท
พร้อมเกียรติบัตร และ บัตรกำนัล (Gift voucher) มูลค่า ๗,๐๐๐ บาท
จากบริษัท โฟโต้ฮัท กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด

รางวัลที่ ๒ จำนวน ๑ รางวัล เงินรางวัล ๑๕,๐๐๐ บาท
พร้อมเกียรติบัตร

รางวัลที่ ๓ จำนวน ๑ รางวัล เงินรางวัล ๑๐,๐๐๐ บาท
พร้อมเกียรติบัตร

๖.๓ ประเภทประชาชนทั่วไป

รางวัลที่ ๑ จำนวน ๑ รางวัล เงินรางวัล ๓๐,๐๐๐ บาท
พร้อมเกียรติบัตร และบัตรกำนัล (Gift voucher) มูลค่า ๑๐,๐๐๐ บาท
จากบริษัท โฟโต้ฮัท กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด

รางวัลที่ ๒ จำนวน ๑ รางวัล เงินรางวัล ๒๐,๐๐๐ บาท
พร้อมเกียรติบัตร

รางวัลที่ ๓ จำนวน ๑ รางวัล เงินรางวัล ๑๕,๐๐๐ บาท

รางวัลชมเชย จำนวน ๘ รางวัล เงินรางวัล ๕,๐๐๐ บาท
พร้อมเกียรติบัตร

๗. กำหนดการ
การส่งผลงานภาพถ่ายตั้งแต่บัดนี้ จนถึงวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓

๗.๑ ทางไปรษณีย์ ภายในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ในวันและเวลาราชการ (โดยนับวันประทับตราไปรษณีย์ต้นทางเป็นสำคัญ) ส่งถึง กลุ่มงานสารนิเทศ สำนักส่งเสริมและประสานงานเครือข่าย สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ อาคารบี ชั้น ๖ และชั้น ๗ ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐

๗.๒ ด้วยตนเอง ภายในวันที่ ๓๐ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ในวันและเวลาราชการ
ณ กลุ่มงานสารนิเทศ สำนักส่งเสริมและประสานงานเครือข่าย สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ อาคารบี ชั้น ๖ และชั้น ๗ ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐

(ผลงานภาพถ่ายที่ส่งเกินกำหนดเวลาจะไม่ได้รับการพิจารณาคัดเลือกและตัดสิน)

การตัดสินผลงานภาพถ่ายวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๓ เวลา ๐๙.๐๐ น. ณ สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

การประกาศผลการตัดสิน ณ สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
ประกาศผลทางเว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ทางเว็บไซต์
www.nhrc.or.th

แจ้งผลให้ผู้ได้รับรางวัลทราบโดยตรง

การจัดแสดงผลงานภาพถ่าย

กำหนดให้มีการแสดงภาพถ่ายของผู้ได้รับรางวัลและผู้เข้าประกวดในงานวันสิทธิมนุษยชนสากล และให้มีการแสดงภาพในรูปแบบนิทรรศการเคลื่อนที่สำหรับเผยแพร่ทั่วประเทศ

๘. รับผลงานภาพถ่ายคืนสำหรับผู้ไม่ได้รับรางวัล ระหว่างวันที่ ๑๐ มกราคม – ๑๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๔ ในวันและเวลาราชการ ณ กลุ่มงานสารนิเทศ สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ

๙. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มงานสารนิเทศ สำนักส่งเสริมและประสานงานเครือข่าย สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา ๕ ธันวาคม ๒๕๕๐ อาคารบี ชั้น ๖ และชั้น ๗ ถนนแจ้งวัฒนะ แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ ๑๐๒๑๐

ที่มา : http://www.nhrc.or.th/news.php?news_id=7354

ประกวดภาพถ่ายในหัวข้อ "ฉันมาหา มหาชัย"

จังหวัดสมุทรสาครเป็นจังหวัดชายทะเล ตั้งอยู่ปากแม่น้ำท่าจีนจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ กล่าวไว้ว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยามีชุมชนขนาดใหญ่ตั้งอยู่บริเวณปากอ่าวไทย ซึ่งมีชาวจีนนำเรือสำเภาเข้ามาจอดเทียบท่าค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าและพักอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จึงเรียกว่า “บ้านท่าจีน” ในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ (พ.ศ.2099) ได้โปรดให้ยกฐานะ “บ้านท่าจีน” ขึ้นเป็น “เมืองสาครบุรี” เพื่อเป็นหัวเมืองสำหรับเรียกระดมพลเวลาเกิดสงครามและเป็นเมืองด่านหน้าป้องกันข้าศึกศัตรูที่จะเข้ามารุกรานบุกรุกทางทะเล

ต่อมาในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ทรงโปรดให้เปลี่ยนชื่อ “เมืองสาครบุรี” เป็น “เมืองสมุทรสาคร” ซึ่งมีความหมายว่า “เมืองแห่งทะเลและแม่น้ำ” ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 5 (พ.ศ.2448) ทรงปฏิรูปการปกครองมีการจัดระบบการบริหารราชการส่วนภูมิภาคเป็นมณฑลเทศาภิบาล และได้ทรงมีพระราชดำริที่จะสร้างสรรค์ความเจริญให้แก่ท้องถิ่น โดยใช้รูปแบบการปกครองแบบสุขาภิบาล จึงได้มีพระบรมราชโองการให้ยกฐานะ “ตำบลท่าฉลอม” เป็น “สุขาภิบาลท่าฉลอม” เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2448 จึงถือได้ว่าสุขาภิบาลท่าฉลอม เป็นสุขาภิบาลที่ตั้งขึ้นในหัวเมืองเป็นแห่งแรกของประเทศไทย
ต่อมาในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 (พ.ศ.2456) โปรดเกล้าให้ทางราชการเปลี่ยนคำว่า “เมือง” เป็น “จังหวัด” ทั่วทุกแห่ง ในพระราชอาณาจักร “เมืองสมุทรสาคร” จึงได้เปลี่ยนเป็น “จังหวัดสมุทรสาคร” ตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน

จังหวัดสมุทรสาครอยู่ห่างจากกรุงเทพฯ ประมาณ 36 กิโลเมตร มีแหล่งท่องเที่ยววัดวาอารามและสถานที่ประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ เช่น วัดช่องลม เป็นวัดพระอารามหลวงได้รับการตกแต่งอย่างสวยงาม และเป็นวัดพัฒนาตัวอย่าง วัดโคกขาม ตั้งอยู่ริมคลอง เป็นวัดเก่าแก่มีบริเวณกว้างขวาง มีท่าเทียบเรือให้ขึ้นชมได้ วัดป่าชัยรังสี เป็นวัดที่สร้างอย่างมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว คือใช้ศิลปะการก่อสร้างหลายแบบแปลกตา วัดนางสาว โบสถ์ฐานโค้งเป็นรูปเรือสำเภาก่ออิฐ หลังคามุงกระเบื้องดินเผาแบบเก่า มีอุทยานมัจฉาประกอบด้วยฝูงปลาสวายจำนวนมากอาศัยอยู่ ศาลพันท้ายนรสิงห์ ศาลรำลึกถึงพันท้ายนรสิงห์ข้าหลวงเดิมซึ่งเป็นคนซื่อสัตย์ มั่นคง ยอมเสียสละชีวิตโดยไม่ยอมเสียพระราชประเพณีในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยา แหล่งท่องเที่ยวริมน้ำและวิถีชีวิตคนชุมชนชาวมหาชัย เช่น ตลาดมหาชัย (ท่าเรือเทศบาล) ตั้งอยู่ริมแม่น้ำท่าจีน เป็นศูนย์กลางการค้าการคมนาคมของสมุทรสาคร หมู่บ้านชาวประมงท่าฉลอม มีผู้ประกอบอาชีพประมงเป็นจำนวนมาก มีตลาดและกิจการต่อเรือที่ตั้งเรียงรายอยู่บนฝั่งแม่น้ำท่าจีน นากุ้ง นาเกลือ มีเกลือกองสีขาว มีนกหลายชนิดบินผ่านไปมา มีกังหันวิดน้ำเข้านาเกลือหมุนเล่นลม เป็นทัศนียภาพที่สวยงาม สะพานปลา เป็นสะพานปลาที่ใหญ่และทันสมัยแห่งหนึ่ง แม่น้ำท่าจีน เป็นแม่น้ำสายสำคัญที่สุดของจังหวัด ต้นแม่น้ำมาจากแม่น้ำเจ้าพระยา จังหวัดชัยนาทไหลผ่านจังหวัดสุพรรณบุรี นครปฐม แล้วไหลลงสู่อ่าวไทยที่ตำบลท่าฉลอม อำเภอเมืองสมุทรสาคร สวนผลไม้-ดอกไม้ ชาวบ้านทำสวนทั้งผลไม้ สวนผัก สวนกล้วยไม้ สวนมะพร้าว ในเขตอำเภอกระทุ่มแบนมีชื่อเสียงในการทำสวนมะพร้าวน้ำหอม ส้มโอ และสวนกล้วยไม้ ส่วนในเขตอำเภอบ้านแพ้ว มีสวนองุ่น สวนฝรั่ง นอกจากจะชมสวนแล้ว ยังมีโอกาสชมการทำน้ำตาลจากมะพร้าวอีกด้วย

หลักการและเหตุผล

จากการวิเคราะห์ถึงความได้เปรียบจากจุดแข็งและโอกาสที่จังหวัดมีอยู่ รวมถึงการประเมินข้อจำกัดที่ได้รับจากภาวะคุกคามและสิ่งที่ยังเป็นจุดอ่อนบางประการของจังหวัด นำไปสู่การพิจารณาศักยภาพการพัฒนาที่มีอยู่ของจังหวัด และการพิจารณาถึงความสอดคล้องกับยุทธศาสตร์และทิศทางของการพัฒนาประเทศ จึงได้กำหนดวิสัยทัศน์การพัฒนาและประเด็นยุทธศาสตร์ที่สำคัญไว้ ดังนี้ “เป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารทะเลเพื่อความเป็นหนึ่งในฐานะครัวของโลก เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางเลือกใหม่ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่อาศัย” จากวิสัยทัศน์ของจังหวัด จึงมีการจัดทำยุทธศาสตร์หลักที่สำคัญ 4 ประการ ได้แก่
ยุทธศาสตร์ที่ 1 การเป็นครัวของโลกในด้านอาหารทะเลและการเกษตร
ยุทธศาสตร์ที่ 2 การเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางเลือกใหม่
ยุทธศาสตร์ที่ 3 การพัฒนาสภาพแวดล้อมให้เป็นเมืองน่าอยู่
ยุทธศาสตร์ที่ 4 การพัฒนาระบบบริหารงานให้มีความเป็นเลิศ

วัตถุประสงค์
1) เพื่อสร้างกระแสการเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดสมุทรสาคร
2) เพื่อนำภาพถ่ายที่ชนะการประกวดมาจัดทำสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อประชาสัมพันธ์ต่าง ๆ ของจังหวัดสมุทรสาคร และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)
3) เพื่อนำภาพถ่ายที่ส่งเข้าประกวดมาจัดทำหนังสือรวมภาพ เพื่อเผยแพร่ถึงความงดงามของแหล่งท่องเที่ยว กิจกรรมทางการท่องเที่ยว ตลอดจนวิถีชีวิต ประเพณี และวัฒนธรรมที่ดีของจังหวัดสมุทรสาคร
4) เพื่อกระตุ้นให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวตระหนักถึงความสำคัญของแหล่งธรรมชาติประวัติศาสตร์ และสิ่งแวดล้อม

ผู้มีสิทธิ์ส่งภาพเข้าประกวด
1) นักท่องเที่ยวและประชาชนคนไทยทั่วไป และชาวต่างชาติที่พำนักอยู่ในเมืองไทย
2) นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่กำลังศึกษาในประเทศไทย

กติกาการส่งภาพเข้าประกวด
1) ภาพที่ส่งเข้าประกวดต้องสื่อให้เห็นถึงความสวยงามของธรรมชาติ โบราณสถาน วิถีชีวิต ความเป็นอยู่ ประเพณี และวัฒนธรรมของชุมชน
2) ภาพถ่ายที่ส่งเข้าประกวดต้องเป็นภาพสีหรือภาพขาวดำ (เอกรงค์) ขนาดภาพด้านกว้าง 12 นิ้ว ด้านยาวไม่เกิน 18 นิ้ว สามารถอัดขยายจากต้นฉบับที่เป็นพิล์มสี ฟิล์มขาวดำ ฟิล์มสไลด์ หรือถ่ายจากกล้องดิจิตอลที่มีความละเอียดไม่ต่ำกว่า 8 ล้านพิกเซล โดยส่งไฟล์ภาพต้นฉบับที่ความละเอียดสูงสุดของกล้อง (กรณีเป็นฟิล์มให้สแกนเป็นไฟล์ดิจิตอลให้ได้ขนาดภาพ (Image size) เท่ากับขนาดภาพจริงที่ส่งเข้าประกวด โดยมีความละเอียดไม่ต่ำกว่า 300 dpi จัดเก็บภาพเป็นไฟล์นามสกุล JPEG และปรับตั้ง Quality ที่ Maximum) บันทึกลงแผ่น CD แผ่นละ 1 ไฟล์ภาพ แล้วบรรจุลงบนซองพลาสติกปะติดไว้ด้านหลังภาพ (การ์ดแข็ง) โดยทุกภาพที่ส่งเข้าประกวดต้องมีแผ่น CD บันทึกไฟล์ภาพนั้นๆ อยู่ด้านหลังภาพ (การ์ดแข็ง)
3) ภาพถ่ายที่ส่งเข้าประกวด ต้องติดบนการ์ดแข็งสีเทาหรือดำ ขนาด 16 คูณ 22 นิ้ว (ขนาดเดียวเท่านั้น) โดยด้านหลังการ์ดต้องกรอกรายละเอียดตามแบบฟอร์มที่ได้กำหนดให้ และต้องกรอกข้อมูลให้ครบถ้วน (แบบฟอร์มสามารถดาวน์โหลดได้ที่
www.bpsthai.org ทั้งนี้แบบฟอร์มสามารถถ่ายเอกสารได้
4) ภาพที่ส่งเข้าประกวดต้องถ่ายโดยผู้ส่งภาพเข้าประกวดเท่านั้น และเป็นภาพที่ไม่เคยได้รับรางวัลจากการประกวดใด ๆ มาก่อน และสามารถส่งภาพได้ไม่จำกัดจำนวน
5) ภาพถ่ายที่ส่งเข้าประกวดทุกภาพพร้อม CD ให้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้จัดการประกวด โดยสงวนสิทธิ์ไม่ส่งคืนแก่ผู้ส่งภาพเข้าประกวด และผู้จัดการประกวดเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ในงานภาพถ่ายดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็นภาพที่ได้รับรางวัลหรือไม่ก็ตาม โดยผู้ส่งภาพถ่ายเข้าประกวด คงมีกรรมสิทธิ์ตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ พ.ศ.2537 มาตรา 18 ในการแสดงตนว่าเป็นผู้สร้างสรรค์งาน และมีสิทธิ์ในการห้ามไม่ให้ผู้อื่นเอางานของตนไปดัดแปลงให้เกิดความเสียหายแก่ชื่อเสียงของผู้สร้างสรรค์งานตลอดไป
6) ผู้ส่งภาพถ่ายเข้าประกวดทุกคนต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ระบุไว้ข้างต้นทุกประการ หากฝ่าฝืนจะถูกตัดสิทธิ์ในการเข้าประกวดหรือรับรางวัล รวมทั้งผู้จัดการประกวดอาจเรียกรางวัลที่ได้รับไปแล้วกลับคืน
7) คณะกรรมการตัดสิน มีสิทธิ์กำหนดวิธีการตัดสิน
โดยยึดถือแนวปฏิบัติที่เป็นมาตรฐานสากลและผลการตัดสินของกรรมการถือเป็นที่สุด
8) คณะกรรมการตัดสินภาพไม่มีสิทธิ์ส่งภาพเข้าประกวด
9) ผู้ส่งภาพถ่ายเข้าประกวดที่ได้รับรางวัล จะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายตามระเบียบของกรมสรรพากร

ระยะเวลาการส่งภาพเข้าประกวด
ผู้สนใจสามารถส่งผลงานเข้าร่วมประกวดได้ทางไปรษณีย์หรือส่งด้วยตนเอง ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2553 ถึงวันที่ 29 ธันวาคม 2553 เวลาไม่เกิน 17.00 น. ทั้งนี้หากส่งทางไปรษณีย์ จะถือวันที่ประทับตราไปรษณีย์เป็นสำคัญ

สถานที่ส่งภาพเข้าประกวด
1) องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) สมุทรสาคร
2) สมาคมถ่ายภาพกรุงเทพ 199 ถนนบรรทัดทอง แขวงถนนเพชรบุรี เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร โทร.
(02) 611-3064 คุณปฏิวัติ เติมต่อ

รางวัลการประกวด
รางวัลที่ 1 เงินรางวัล 100,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัลจากผู้ว่าราชการจังหวัด
รางวัลที่ 2 เงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัลจากรองผู้ว่าราชการจังหวัด
รางวัลที่ 3 เงินรางวัล 30,000 บาท พร้อมถ้วยรางวัลจากนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร
รางวัลชมเชยจำนวน 20 รางวัล เงินรางวัล 5,000 บาท พร้อมโล่เกียรติยศจากประธานหอการค้าจังหวัดสมุทรสาคร และสภาอุตสาหกรรม จังหวัดสมุทรสาคร

คณะกรรมการตัดสินภาพ
1) นายยรรยง โอฬาระชิน ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์(ภาพถ่าย) ประจำปี 2550
2) นายวรนันทน์ ชัชวาลทิพากร ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์(ภาพถ่าย) ประจำปี 2552
3) นายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร
4) นายกุลวัชร หงษ์คู นายกเทศมนตรีเทศบาลนครสมุทรสาคร
5) นายวิชิต สุรพนานนท์ชัย ที่ปรึกษาสภาอุตสาหกรรม จังหวัดสมุทรสาคร
6) นายวิชัย พรเศรษฐ์ถาวร นายกสมาคมถ่ายภาพกรุงเทพ
7) นายวินิจ รังผึ้ง บรรณาธิการนิตยสาร อสท

การประกาศผลรางวัล
จะมีการประกาศผลการประกวดภายในวันที่ 15 มกราคม 2554 ใน Website ของสมาคมถ่ายภาพกรุงเทพ
www.bpsthai.org

พิธีรับรางวัลและการจัดนิทรรศการภาพถ่าย
พิธีมอบรางวัลและการจัดนิทรรศการภาพถ่าย ในงาน “สมุทรสาคร Expo” ระหว่างวันที่ 12-20 กุมภาพันธ์ 2554 ณ ตลาดทะเลไทย จ.สมุทรสาคร

ผู้รับผิดชอบโครงการ
1) นายอุดร ไกรวัตนุสสรณ์ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสมุทรสาคร
2) นายอุดม ไกรวัตนุสสรณ์ ประธานหอการค้า จังหวัดสมุทรสาคร
3) นายอภิชิต ประสพรัตน์ ประธานสภาอุตสาหกรรม จังหวัดสมุทรสาคร
4) นายสุนทร วัฒนาพร นายกสมาคมท่องเที่ยวจังหวัดสมุทรสาคร
5) นายวิชิต สุรพนานนท์ชัย ที่ปรึกษาสภาอุตสาหกรรม จังหวัดสมุทรสาคร
6) นายวิชัย พรเศรษฐ์ถาวร นายกสมาคมถ่ายภาพกรุงเทพ
7) การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.)สมุทรสาคร



Download ใบสมัคร

ที่มา : http://www.bpsthai.org/BPS_Links/Contest_L/Contest_News/Mahachai_Contest.html

วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2553

วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2553

ประกวดภาพถ่าย เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา 2553

เทศบาลเมืองฉะเชิงเทราร่วมกับสมาพันธ์สมาคมการถ่ายภาพแห่งประเทศไทย จัดการประกวดภาพถ่าย โดยมีรายละเอียดการประกวดภาพถ่ายดังนี้

photo1.jpg

กติกาการส่งภาพประกวด

1. “ภาพเก่า เล่าเรื่อง เมืองฉะเชิงเทรา”

1.1 ภาพถ่ายจากอดีตที่สามารถถ่ายทอดความงดงามในเขตพื้นที่จังหวัดฉะเชิงเทรา และวิถีชีวิต วัฒนธรรม ประเพณีในอดีตไม่จำกัดยุคสมัย เป็นภาพขาวดำ ภาพสีโบราณ (ความเก่า ไม่ต่ำกว่า 20 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2533 ลงไป) ความเก่าที่ทรงคุณค่า ให้ระบุสถานที่และ วัน เวลา โดยประมาณของภาพ (หากจำได้)

  • - ภาพประชาชน บุคคลสำคัญหรือภาพกิจกรรมร่วมกัน เช่นการทำบุญใน โอกาสและวาระสำคัญ วันขึ้นปีใหม่สงกรานต์ การแห่เทียนพรรษา งานลอยกระทง งานแห่พระพุทธโสธร
  • - งานสถานที่สำคัญ สถานที่ท่องเที่ยว
  • - ภาพสถาปัตยกรรม ถนนหนทางสะพาน วัดวาอาราม ภาพแม่น้ำบางปะกงฯลฯ

1.2 ขอรับระเบียบการ หลักเกณฑ์ การส่งภาพประกวด ได้ที่กองการศึกษา สำนักงานเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา และร้านถ่ายภาพทุกร้านในเขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป
1.3 ภาพที่ส่งจะต้องเป็นต้นฉบับเท่านั้น ไม่จำกัดขนาดของภาพ ภาพที่ได้รับรางวัลจากการประกวดภาพถ่าย งานประเพณีลอยกระทง ประจำปี 2550 ประจำปี 2551 และประจำปี 2552 ของเทศบาลเมืองฉะเชิงเทราไม่มีสิทธิส่งภาพเข้าประกวดอีก
1.4 ผู้มีสิทธิส่งภาพเข้าประกวด ประชาชนคนไทยทั่วไปไม่จำกัดเพศและอายุ
1.5 เกณฑ์การตัดสิน ตัดสินจากภาพถ่ายที่ทรงคุณค่าและสามารถเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับจังหวัดฉะเชิงเทราได้ดี
1.6 ส่งภาพได้ไม่จำกัดจำนวนและผู้ที่ส่งภาพเข้าประกวดจะได้รับรางวัลกี่รางวัลก็ได้
1.7 คณะกรรมการตัดสินการประกวดภาพถ่าย ไม่มีสิทธิส่งภาพเข้าประกวด
1.8 ส่งภาพด้วยตนเอง ที่กองการศึกษา เทศบาลเมืองฉะเชิงเทราหรือทางไปรษณีย์ พร้อมทั้งเขียนสถานที่ในภาพ ชื่อนามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ของผู้ส่งภาพเข้าประกวดติดไว้ด้านหลังภาพ เพื่อส่งภาพกลับคืนหลังจากเสร็จสิ้นการประกวด
1.9 ภาพที่เข้าประกวดหลังจากเสร็จสิ้นงานแล้วจะส่งต้นฉบับคืนทุกภาพ
1.10 คณะผู้จัดงานมีสิทธิพิมพ์ภาพที่ส่งเข้าประกวด เพื่อประโยชน์ในการเผยแพร่กิจกรรมและอื่นๆโดยไม่ต้องจ่ายค่าตอบแทนให้แก่เจ้าของภาพ
1.11 การตัดสินของกรรมการถือเป็นสิ้นสุด
1.12 กำหนดส่งผลงานได้ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2553 (ปิดรับผลงาน ในวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ.2553 ) ทางไปรษณีย์ ดูวันประทับตราเป็นหลัก
1.13 ตัดสิน โดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ประกาศผลในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
1.14 รับรางวัลในวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ.2553 หลังพิธีเปิดงานลอยกระทงแล้ว รับรางวัลชนะเลิศ รองชนะเลิศอันดับ 1 และรองชนะเลิศอันดับ 2 ส่วนรางวัลชมเชย รับรางวัล ณ บริเวณนิทรรศการภาพถ่าย เวลา 18.00 น. – 19.30 น.
1.15 จัดนิทรรศการภาพถ่ายในวันที่ 20 พฤศจิกายน – 12 ธันวาคม 2553 ณ บริเวณสวนมรุพงษ์ ถนนมรุพงษ์ อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา
1.16 รางวัล

  • - รางวัลชนะเลิศ ได้รับโล่รางวัล พร้อมเงินรางวัล 30,000 บาท
  • - รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับโล่รางวัล พร้อมเงินรางวัล 15,000 บาท
  • - รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับโล่รางวัล พร้อมเงินรางวัล 10,000 บาท
  • - รางวัลชมเชย 30 รางวัล ได้รับเกียรติบัตรและของที่ระลึก พร้อมเงินรางวัล 4,000 บาท




** มีของที่ระลึกมอบให้สำหรับผู้ส่งภาพทุกท่าน **

ตัวอย่างภาพที่ได้รางวัล ปี 2552

รางวัลชนะเลิศรองชนะเลิศอันดับ 1รองชนะเลิศอันดับ 2

2. “ภาพใหม่ วัฒนธรรม ประเพณีและวิถีชีวิตชาวแปดริ้ว”
2.1 ภาพถ่ายที่สามารถถ่ายทอดความงดงามภายในเขตพื้นที่เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา แสดงให้เห็นวิถีชีวิตและวัฒนธรรม ประเพณี สถานที่ท่องเที่ยว ในปัจจุบันเป็นภาพสี

  • - ภาพวิถีชีวิตริมน้ำ ประชาชน หรือบุคคลสำคัญ ภาพการทำกิจกรรม ร่วมกัน เช่น การทำบุญในวาระสำคัญ วันขึ้นปีใหม่ สงกรานต์ การแห่เทียนพรรษา งานลอยกระทง งานแห่พระพุทธโสธร ในเขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา
  • - สถานที่สำคัญ สถานที่ท่องเที่ยว ในเขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา
  • - ภาพความงดงามของสถาปัตยกรรม ถนนหนทาง สะพาน วัดวาอาราม ภาพแม่น้ำบางปะกง สวนสาธารณะ ฯลฯ ในเขตเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา

2.2 ขอรับระเบียบการ หลักเกณฑ์ การส่งภาพประกวด ได้ที่กองการศึกษา
2.3 ภาพที่ส่งเข้าประกวดต้องไม่เคยได้รับรางวัลหรือตีพิมพ์ จากการประกวดใดมาก่อน
2.4 คณะกรรมการการตัดสินการประกวดภาพถ่าย ไม่มีสิทธิส่งภาพเข้าประกวด
2.5 ผู้มีสิทธิส่งภาพเข้าประกวด ประชาชนคนไทยทั่วไป ไม่จำกัดเพศและอายุ
2.6 ถ่ายภาพด้วยกล้องดิจิตอล มีความละเอียดของภาพไม่ต่ำกว่า 6 ล้านพิกเซลหรือกล้องฟิล์ม 35 ม.ม. พร้อมส่งฟิล์ม หรือ Digtal File Format ที่มีคุณสมบัติ Hight Resolution ไม่ต่ำกว่า 300 dpi โดยบันทึกลงแผ่นซีดี มาพร้อมภาพถ่ายผลงานที่เข้าร่วมประกวดและฟิล์ม หรือแผ่นซีดีจะตกเป็นกรรมสิทธิ์ของเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา (ภาพที่ต่ำกว่าขนาดที่กำหนดจะไม่รับการพิจารณาตัดสิน)
2.7 ภาพที่ส่งเข้าประกวดสามารถสร้างสรรค์โดยใช้เทคนิคอิสระไม่จำกัดรูปแบบ
2.8 ขยายภาพสี ขนาด 12 X 18 นิ้ว ติดภาพลงบนฟิวเจอร์บอร์ดสีดำ ขนาด 16 X 22 นิ้ว พร้อมทั้งเขียนชื่อสถานที่ ในภาพ ชื่อนามสกุล ที่อยู่ เบอร์โทรศัพท์ ของผู้ส่งภาพเข้าประกวดติดไว้ด้านหลังภาพ
2.9 ส่งภาพได้ไม่จำนวนจำกัดผู้ส่งภาพเข้าร่วมประกวดจะได้รับรางวัลกี่รางวัลก็ได้
2.10 ภาพที่เข้าประกวดไม่คืนต้นฉบับ
2.11 ภาพถ่าย ฟิล์มสไลด์สี หรือไฟล์ต้นฉบับที่ส่งเข้าร่วมประกวดถือเป็นสิทธิของเทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา ไม่มีการส่งคืนผู้เข้าร่วมประกวด และเทศบาลเมืองฉะเชิงเทราสามารถนำผลงานทุกภาพออกเผยแพร่หรือใช้ในกิจกรรมของเทศบาลโดยไม่ต้องขออนุญาตและจ่ายค่าตอบแทนใดๆทั้งสิ้นแก่เจ้าของผลงาน ส่งไฟล์ต้นฉบับ 1 แผ่น ต่อ 1 ภาพ ติดด้านหลังภาพพร้อมชื่อ ที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ติดต่อ
2.12 การตัดสินของกรรมการถือเป็นสิ้นสุด
2.13 สามารถดูรายละเอียดการประกวดและผลการตัดสินได้ที่ http://www.tbmccs.go.th
2.14 ส่งผลงานด้วยตนเองหรือทางไปรษณีย์ที่ กองการศึกษา เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา กำหนดส่งผลงานได้ตั้งแต่บัดนี้ถึงวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2553 (ปิดรับผลงานในวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ.2553 ) ทางไปรษณีย์ ดูวันประทับตราเป็นหลัก
2.15 ตัดสินโดยคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2553 ประกาศผลในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2553
2.16 รับรางวัลในวันที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ.2553 หลังพิธีเปิดงานลอยกระทงแล้ว รับรางวัลชนะเลิศ รองชนะเลิศอันดับ 1และรองชนะเลิศอันดับ 2 ส่วนรางวัลชมเชย รับรางวัล ณ บริเวณนิทรรศการภาพถ่าย เวลา 18.00 น. – 19.30 น.
2.17 จัดนิทรรศการภาพถ่ายในวันที่ 20 พฤศจิกายน – 12 ธันวาคม 2553 ณ บริเวณสวนมรุพงษ์ ถนนมรุพงษ์ อำเภอเมือง จังหวัดฉะเชิงเทรา
2.18 รางวัล

  • - รางวัลชนะเลิศ ได้รับโล่รางวัล พร้อมเงินรางวัล 50,000 บาท
  • - รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ได้รับโล่รางวัล พร้อมเงินรางวัล 30,000 บาท
  • - รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ได้รับโล่รางวัล พร้อมเงินรางวัล 20,000 บาท
  • - รางวัลชมเชย 30 รางวัล ได้รับเกียรติบัตรและของที่ระลึก พร้อมเงินรางวัล 5,000 บาท




มีของที่ระลึกมอบให้สำหรับผู้ส่งภาพทุกท่าน
รางวัลแจ๊คพ๊อต กล้อง 1 รางวัล CANNON EOS 550 KISS X 4 (พร้อมเลนส์ 18-55 IS) จำนวน 1 ชุด
แก่ผู้ส่งภาพถ่ายเข้าประกวดได้รับรางวัล 3 ภาพขึ้นไป ถ้าที่เท่ากันหลายรายให้จับสลากได้รับรางวัลเพียงรายเดียว

ตัวอย่างภาพที่ได้รางวัล ปี 2552
รางวัลชนะเลิศรองชนะเลิศอันดับ 1
รองชนะเลิศอันดับ 2


ติดต่อสอบถามได้ที่ กองการศึกษา เทศบาลเมืองฉะเชิงเทรา โทร 0-3881-4338 ต่อ 151
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ คุณวันชัย สืบสมาน (เล็ก อินโฮม) ประธานกรรมการดำเนินการประกวดภาพถ่ายและประชาสัมพันธ์
โทร. 08-1903-9113 ตั้งแต่เวลา 11.00 น. เป็นต้นไป


ที่มา : http://www.tbmccs.go.th/index.php?option=com_content&task=view&id=162&Itemid=54


วันพฤหัสบดีที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2553

Photo Rally 2 "ON THE ROAD"



กลับมาอีกครั้งกับการประลองฝีมือความเร็ว และความคิดสร้างสรรค์ในการถ่ายภาพ

นิตยสาร สารคดี ร่วมกับ บริษัทวิริยะประกันภัย จำกัด และ จส.๑๐๐ 
กลับมาท้าเหล่าผู้รักการถ่ายภาพทุกท่านกับกิจกรรม Photo Rally 2 "ON THE ROAD"

บอกเล่าเรื่องราวบนท้องถนนผ่านภาพถ่ายชิงรางวัลเงินสดและของรางวัลกว่า 100,000 บาท !

เปิดรับผู้ท้าชิง ๕ ตุลาคม-๕ พฤศจิกายน ๒๕๕๓ ทาง www.sarakadee.com

นัดประลอง ๒๐-๒๑ พฤศจิกายน ๒๕๕๓

ที่มา : http://www.sarakadee.com/web/modules.php?name=News&file=article&sid=2829

โครงการประกวดภาพถ่าย “ อีสานหน้าฝน ทุกคนเที่ยวได้ ”


โครงการประกวดภาพถ่าย “ อีสานหน้าฝน ทุกคนเที่ยวได้ ”

เปิดรับภาพ 16 สิงหาคม - 30 ตุลาคม 2553

ตัดสินภาพ 11 พฤศจิกายน 2553

มอบรางวัล ภายในงานเทศกาลท่องเที่ยวอีสาน ( I-SAN FAIR ) เดือนมกราคม 2554 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์

จัดโดย : การท่องเที่ยวแห่งประเทศ ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมกับ สมาพันธ์สมาคมการถ่ายภาพแห่งประเทศไทย

รายละเอียดการประกวดภาพถ่ายโครงการ "อีสานหน้าฝน ทุกคนเที่ยวได้"

วัตถุประสงค์การจัดโครงการ

1.เพื่อสร้างกระแสการเดินทางท่องเที่ยวของนักถ่ายภาพและนักท่องเที่ยวชาวไทยสู่พื้นที่ของภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

2.เพื่อนำภาพถ่ายที่ชนะการประกวดมาจัดทำสื่อประชาสัมพันธ์ต่างๆของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

3.เพื่อนำภาพถ่ายที่ส่งเข้าประกวดมาจัดทำเป็นนิตยสาร หรือสิ่งพิมพ์ สำหรับใช้เผยแพร่ และประชาสัมพันธ์ภาพความงดงามของแหล่งท่องเที่ยวกิจกรรมทาง การท่องเที่ยว ตลอดจนวิถีชีวิต ประเพณี และวัฒนธรรมอันดีของภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

4. เพื่อเป็นกิจกรรมทางด้านการท่องเที่ยว การถ่ายภาพ กระตุ้นให้นักท่องเที่ยวเกิดความสนใจที่จะเดินทางมาท่องเที่ยว ถ่ายภาพในฤดูฝนในพื้นที่ 19 จังหวัดใน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นการเสริมสร้างความภูมิใจให้กับฝีมือในการถ่ายภาพในพื้นที่แถบนี้

5. เพื่อเป็นการแสดงความภูมิใจ หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวของไทยที่งดงามในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนของทุกๆ ปี

หัวข้อในการประกวด "อีสานหน้าฝน ทุกคนเที่ยวได้"


รางวัลการประกวด

รางวัลชนะเลิศ 50,000 บาท 1 รางวัล

พร้อมถ้วยรางวัลเกียรติยศ จากรัฐมนตรีฯ กระทรวงการท่องเที่ยว และกีฬา

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 20,000 บาท 1 รางวัล

พร้อมถ้วยรางวัลเกียรติยศ จากประธานบอร์ดการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 10,000 บาท 1 รางวัล

พร้อมถ้วยรางวัลเกียรติยศ จากผู้ว่าการ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

รางวัลชมเชย 2,000 บาท 10 รางวัล

พร้อมถ้วยรางวัลเกียรติยศ จากผู้อำนวยการภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ททท.

(หมายเหตุ : รางวัลผู้ชนะการประกวดทุกรางวัล คณะกรรมการฯ จะมอบเป็นเงินสด และผลิตภัณฑ์การถ่ายภาพตามมูลค่าที่ระบุไว้)

ผู้มีสิทธิ์ส่งภาพเข้าประกวด

นักเรียน นิสิต นักศึกษาที่กำลังศึกษาอยู่ในประเทศไทย และนักถ่ายภาพทั่วไป ไม่จำกัดสาขาวิชาชีพ และมีภูมิลำเนาอยู่ในประเทศไทย

กติกาการส่งภาพเข้าประกวด

1. ภาพที่ส่งเข้าประกวดต้องเป็นภาพถ่ายระหว่างช่วงฤดูฝน ในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (16 สิงหาคม - 30 ตุลาคม 2553 ) เป็นภาพที่แสดงถึงความสวยงาม ทางธรรมชาติ วัฒนธรรม ประเพณี และความเป็นอยู่พื้นถิ่น ในมุมมองต่างๆ ของพื้นที่ภาคอีสาน 19 จังหวัด

โดยภาพที่ส่งเข้าประกวดต้องมีรายละเอียดดังนี้

- ภาพถ่ายทุกภาพต้องเป็นภาพที่ถ่ายด้วยกล้องดิจิตอลเท่านั้น

- ถ่ายด้วยกล้องดิจิตอลคอมแพ็ค หรือกล้องดีเอสแอลอาร์ (DSLR) ที่มีความละเอียดของภาพ

ไม่ต่ำกว่า 6 ล้านพิกเซล

- ขยายเป็นภาพสี โดยมีขนาด 12 x 18 นิ้ว

- ติดภาพลงบนบอร์ดกระดาษสีขาว หรือฟิวเจอร์บอร์ดสีขาวเท่านั้น ขนาด 16 X 22 นิ้ว

- ด้านหลังฟิวเจอร์บอร์ด ต้องติด “ แบบฟอร์มการส่งภาพเข้ามาประกวด “ (สามารถดาวน์โหลด

ได้จาก www.phototech-mag.com)

- โดยกรอกชื่อผู้ถ่ายภาพ ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ เลขที่ภาพ ชื่อภาพ สถานที่ที่ถ่ายภาพ

ให้ครบถ้วน

- ส่งมอบภาพสีพร้อม Digital File Format Tiff ที่มีคุณสมบัติ High Resolution ไม่ต่ำกว่า

300 dpi โดยบันทึกลงแผ่น CD

2. ผู้ส่งภาพเข้าประกวดมีสิทธิ์ส่งภาพเข้าประกวดได้ไม่จำกัดจำนวน

วิธีการส่งภาพเข้าประกวด

1. ส่งด้วยตนเองได้ที่

- สำนักงาน นิตยสาร PHOTOTECH

เลขที่ 140 ซ. อนามัย ถ. ศรีนครินทร์ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ 10250

โทร. 0-2721-4417, โทรสาร 0-2721-5516, E-mail : phototech_mag@yahoo.com,

www.phototech-mag.com

2. ส่งทางไปรษณีย์โดยวงเล็บมุมซองว่า ประกวดภาพ “ อีสานหน้าฝน ทุกคนเที่ยวได้ “

- สำนักงาน นิตยสาร PHOTOTECH

เลขที่ 140 ซ. อนามัย ถ. ศรีนครินทร์ แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง กรุงเทพฯ 10250

* ทั้งนี้หากส่งทางไปรษณีย์ จะถือวันที่ประทับตราไปรษณีย์เป็นสำคัญ

เงื่อนไข และข้อกำหนดอื่นๆ

1. ภาพที่ส่งเข้าประกวดต้องไม่เคยได้รับรางวัลจาการประกวดใดๆ มาก่อน

2. ผู้ส่งภาพเข้าประกวดต้องเป็นผู้ถ่ายภาพด้วยตนเองเท่านั้น ห้ามมิให้นำผลงานของผู้อื่นส่งเข้าประกวดโดยเด็ดขาด

3. ผู้ส่งภาพเข้าประกวดสามารถใช้เทคนิคการถ่ายภาพได้อย่างอิสระ ภาพต้นฉบับนั้นห้ามตกแต่งภาพใดๆ ให้ผิดไปจากความเป็นจริง

4. ไฟล์ต้นฉบับ ที่ส่งเข้าประกวดถือเป็นกรรมสิทธิ์ของ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และผู้จัดงานฯ และจะไม่มีการส่งภาพคืนให้เจ้าของผลงาน

5. ผู้ส่งภาพเข้าประกวดยินยอมให้ ผู้จัดงานฯ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สามารถนำผลงานทุกภาพออกเผยแพร่ หรือใช้ประโยชน์อื่นๆ ในกิจกรรมโฆษณาประชาสัมพันธ์การท่องเที่ยวเมืองไทยได้ โดยไม่ต้องขออนุญาต และจ่ายค่าตอบแทนใดๆ ทั้งสิ้นแก่เจ้าของงาน

6. การตัดสินของคณะกรรมการถือเป็นที่สิ้นสุด ผู้ส่งภาพเข้าประกวดไม่มีสิทธิ์อุทธรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น

7. คณะกรรมการตัดสิน ไม่มีสิทธิ์ส่งภาพเข้าประกวดในครั้งนี้

8. เงินรางวัลที่ได้รับจากการประกวดจะต้องถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย เป็นจำนวนร้อยละ 5 ของรางวัล

ระยะเวลาการส่งภาพเข้าประกวด

ตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม - 30 ตุลาคม 2553 (ในเวลาราชการ)

การประกาศผลการตัดดสิน

คณะกรรมการตัดสินจะทำการพิจารณาภาพที่ส่งเข้าประกวด ณ ห้องประชุมการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานใหญ่ ถ. เพชรบุรีตัดใหม่ กรุงเทพฯ

วันที่ 11 พฤศจิกายน 2553 เวลา 10.00 - 17.00 น. และจะประกาศผลการตัดสินภาพชนะเลิศ อย่างเป็นทางการใน นิตยสาร PHOTOTECH ฉบับเดือนพฤศจิกายน 2553

ผู้ส่งภาพเข้าประกวดสามารถขอรับทราบผลการตัดสินได้ที่

การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานประจำจังหวัดในภูมิภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

(หลังการตัดสิน 5 วัน)

สำนักงานนิตยสาร PHOTOTECH โทร. 0-2721-4417 มือถือ 08-6339-6769 และทางเว็บไซต์ www.phototech-mag.com


ท่ีมา : http://www.thaifpt.org/index.php?mo=3&art=500705